วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ทำอย่างไร เมื่อลูกติด Ipad....?

ทำงัยดี!!! ...... เมื่อลูกติด Ipad

                ปัญหาโลกแตกคะ เมื่อลูกน้อยของเราโตมา  ในยุคสไลด์ ...............ช่วยไม่ได้จริงๆ..........

อยากมาขอแชร์ประสบการณ์ แล้วก็ขอคำปรึกษาไปในตัวคะ สำหรับใครที่มีเคล็ดลับดีๆ มาแชร์กันนะ.....


                   ขอเริ่มต้นกันด้วย คลิปนี้คะ...... 





คลิปที่เจ้าตัวเล็กของหม่ามี๊....คะกำลัง ดู youtube ทั้ง ย่อ ยุบ ขยายหน้าจอ เลื่อนเปลี่ยนช่อง ออกจากหน้าจอ กดเข้าไอคอน YT ได้ อย่างง่ายดาย คะ..... ต้องบอกก่อนว่าตอนนี้เจ้าตัวน้อยคนนี้ อายุ 1 ขวบ 6 เดือน กับอีก 18 วัน จริงๆ...เหตุการณ์นี้ มันมองได้สองมุม นะ......

คือ...ถ้าคิดแง่บวกคะ+++ เย้ๆๆๆๆๆๆๆ อุ้ยลูกเรา เก่งจัง!!! กดเปลี่ยนเองได้หมดเลยอ่ะ เลื่อนเปลี่ยนช่อง เรากดออกจากโปรแกรม ยังอุตส่าห์...ปัดหน้าจอหาปุ่มไอคอน ของ  YT เข้าไปดูได้คะ ( คือเราเอาไอคอน ไว้ในหน้าที่สองของ หน้าโฮม ต้องสไลด หน้าจอไป 1 ที ถึงจะเจอ) ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดามากคะ ที่เราจะดีใจ เมื่อลูกเราสามารถทำอะไรใหม่ๆ ได้ด้วยตัวเอง แต่เรื่องนี้ นี่เอ้ะๆๆๆๆ เราจะดีใจอย่างเดียวไม่ได้นะ พอเวลาผ่านไปสักเดือน สองเดือน หลังจากเริ่มให้ดูครั้งแรกคะ มันเริ่มมีคำถามตามมามากมายเลยคะ เราถามตัวเองว่า เห้ย....!!!! 

ลูกเราเล็กเกินไปที่จะให้ดูป่าววะ....
นี่เราให้ลูกดูนานไปแล้วมั้ย   เยอะไปหรือเปล่า...........
ลูกจะกดมั่วๆ แล้วไปเจออะไรที่ไม่ควรดู หรือว่ายังไม่อยากให้ดูมั้ย........
ลูกเราจะสายตาเสียมั้ยน้า............
หรือว่า ถ้าไม่ให้ดูเลย ไม่ให้เล่นเลย ลูกเราจะตกยุคตกสมัย ไปมั้ยน้าาาาาา..........

         เริ่มมีคำถามวนเวียนขึ้นมาในใจ มากมายคะ ชักกัวลใจ อีกทั้งยังเริ่มๆ จะเป็นอุปสรรคของเราแล้วคะ เวลาพาไปไหนมาไหนด้วย ข้างนอก จะเกิดอาการแบบ ..... ร้องงอแงอยากดู ร้อง เอ...บี...ชี (ABC) ฮืออออ แงๆๆๆๆๆ เอ...บี...ชี(ABC) (พูดยังไม่ชัดเลย แต่ติดไอแพด)  หรืออาจจะกรี้ดดดดดด!!!!!  เราเริ่มจะเครียดคะ เพราะเราจะคาดเดาไม่ได้เลยว่า ลูกจะอยากดูตอนไหน บางครั้งเค้าร้องหนัก หนักจนแบบขับรถอยู่ต้องจอดรถคุยกันเลยทีเดียว  (คุยแบบแม่พูดไปเรื่อยๆ ลูกเข้าใจป้าวไม่รู้ เอาแต่ร้อง งอแง) หรือบางครั้ง เราก็จำเป็นต้องเปิดให้ดูไปเลยเพื่อตัดปัญหาคะ เอาจริงๆไม่ได้อยากทำเลยนะ แต่ไม่รู้จะทำยังงัยจริงๆ

เลยเริ่มหาข้อมูลคะ วิธีแก้ไข เด็กติดเกมส์ ติดโทรศัพท์....บลาาาาา บลา จากข้อมูล เพจคุณแม่ทั้งหลาย เพจผู้รู้ กูรู คุณหมอ เข้าไปอ่านๆๆๆๆๆ มาเยอะอยู่คะ เพราะรู้สึกว่า เห้ยเริ่มเครียดจริงจังนะ บอกตรงๆ...กลัวลูกสมาธิสั้นคะ 

หลังจากหาข้อมูล แล้วก็ประมวลผลด้วยตัวเองก็พบว่า..........

1. เราต้องเริ่มจากตัวเองคะ....คนที่อยู่ใกล้ชิดเค้ามากที่สุด คุณพ่อ คุณแม่  คุณปู่คุณย่า คุณยาย พี่เลี้ยง คือใครก็ตามที่เลี้ยงเค้าอ่ะคะ..........สุดท้ายมันมาตกลง ตรงคำว่า "ครอบครัว"คะ เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับวิธีการเลี้ยงดูเนอะ

มันสำคัญมากคะ....เพราะว่าอย่างเคสเรานี่ พอเรามานั่งสำรวจตัวเอง แบบ จริงจัง ว่า เอ้ะ!!! ทำไมลูกเราติดโทรศัพท์ ขนาดนี้น้าาาาา...... ก็ถึงบางอ้อคะ 

เห้ย..............ถ้าลูกพูดได้คงบอกว่า ก็หม่ามี๊เองไม่ใช่อ่อ ที่อยากให้นู๋ ดูการ์ตูนภาษาอังกฤษ เรียนรู้ภาษา 
เออเนอะ....จริงด้วยนี่เราเองนี่แหละคือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้คะ T__T  เพราะฉะนั้น ถึงเวลาละคะ .... ฮึบๆๆๆๆๆ   เราจะมาแก้ปัญหาเรื่องนี้กันนะลูก...

ต้องเล่าก่อนคะว่า...พอเราสำรวจวิธีการเลี้ยงของตัวเอง ก็สรุปได้ประมานนี้คะ

1. เลย....คือ ถ้าลูกร้องไห้ งอแง วิธีแก้ปัญหาส่วนใหญ่ ย้ำว่าส่วนใหญ่นะ ไม่ใช่ทุกครั้ง 55 ก็คือ เปิด YT ให้ดูคะ 

2. ถ้าออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน แล้วเค้ายุ่งมากๆ ซึ่งบางครั้งก็จำเป็นต้องเปิดให้ดูคะ (ซึ่งจุดนี้บอกได้เลยว่าบางทีก็เป็นข้ออ้าง ของผู้ใหญ่เนอะ หาว่าเค้าซนเลยต้องเปิดให้ดู แต่เอาจริงๆธรรมชาติของเด็กเค้าก็ต้องซนอะนะ ลูกนะคะไม่ใช่ตุ๊กตา...บอกกับตัวเองตลอดเลยคะว่าเด็กซนคือเด็กฉลาด555  

3. ถ้านั่งรถไปด้วยกัน แค่สองคน บางทีก็เปิด แล้วเสียบไว้ระหว่างเบาะ คนขับกับคนนั่ง มันก็จะเปิดไป    ตลอดทาง เหมือนมีทีวีส่วนตัว ตอนนั้นคือลูกยังไม่สนใจเท่าไหร่ ดูบ้างไม่ดูบ้าง แต่ช่วงก่อนหน้านี้เริ่มโต เริ่มมีความต้องการเป็นของตัวเอง เริ่มอยากดูสิ่งที่เลือกเองละคะ เริ่มยุ่งละซิ!!!! อยากจะเปลี่ยนตลอดเวลา ทำให้ เค้าต้องการถือ ซึ่งแค่ดูบนรถ เราก็ว่า เสียสายตาละนะ นี่ยังเอาไปถือเองแถม ดูใกล้เข้าไปอีก เห้ยยยย!!! ปวดใจ... ความผิดช้านนนนนเอง

ทำไงดีละทีนี้?

1. ต้องลด..ละ...เลิก    (แหมสโลแกนอย่างกะติดยานะ) แต่เอาจริงๆเวลาลูกติดนี่!!!      มันเหมือนอาการติดยา อาการเหมือนลงแดงมันมานะคะ555


เราต้องจำกัด เวลาที่ให้เค้าดูคะ 

เช่น

ให้ดูเป็นเวลา อย่างตอนนี้ที่ทำคือ เราจะให้เค้าดูเฉพาะตอนกินข้าวคะ แล้วพอกินเสร็จก็ คือ เลิกดู ไม่มีการให้ดูระหว่างวัน...แรกๆ คือเราต้องใจแข็งมากๆ นะคะ ไม่ว่าจะงอแงขนาดไหนก็ต้องไม่ให้ ไม่ตามใจเค้า แล้วเค้าจะเรียนรู้ว่าไม่ได้ ก็คือ ไม่ได้...

ซึ่งจริงๆ เทคนิคนี้ อยากบอกว่า เวิคมากคะ...ใช้ได้ผลกับสายซอมาแล้วคะ ทั้งฝึกเลิกขวดนม ฝึกให้นั่งคาร์ซีท  คือส่วนตัวคิดว่า สิ่งสำคัญในการฝึก เด็กๆ ให้เค้าทำอะไรก็ตาม ที่เราอยากจะให้เค้าทำ สิ่งที่ พ่อแม่ต้องมีเลยนะ ก็คือ... การทำให้เค้าเรียนรู้ กฎ กติกา และเหตุผล คะ 

มันอาจจะดูเว่อร์วังไปหน่อย .... เห้ย!!! สอนให้เด็กขวบครึ่งมีเหตุผลนี่นะ...โอ้วมายกอด์ แต่จริงนะคะ ทุกครั้งเวลาลูกใกล้ๆ จะงอแงขอย้ำๆๆๆว่าใกล้ๆ  เท่านั้นนะ!!!  เพราะถ้าคุณปล่อยให้อารมณ์เค้ามันเลยไปละ มันจะเลยไปเลยคะ เราจะไม่สามารถพูดอย่างมีเหตุผลกะเค้าได้ละทีนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ บางที...ก็ต้องปล่อยไปก่อนคะ 
แต่ถ้าอารมณ์เค้ายังพอกู่กลับ เราก็จะ เริ่มๆบอกกับเค้าด้วยเหตุผล ด้วยเสียงที่เป็นมิตร และเป็นธรรมชาติมากที่สุดคะ ว่า "หม่ามี๊บอกแล้วใช่มั้ยคะลูก ว่าเราจะดูกันเฉพาะตอนไหน ตอนกินข้าวใช่มั้ย" แรกๆ ก็มีโยเย งอแง ร้องไห้มาก เป็นธรรมดาคะ แต่พอทำหลายๆครั้ง ทำการฝึกลักษณะนี้กับหลายๆอย่างเข้า  
ก็รู้สึกว่าระยะเวลาในการร้องไห้ของเค้ามันลดลงคะ แล้วจำนวนการร้องก็จะลดลงไปตามคะ (แต่เอาจริงๆตอนนี้ก็ยังมีงอแงอยู่นะคะไม่ได้สำเร็จ ได้ผล100%) 


               คือเคยอ่านเจอมาว่า เราต้องเคารพ!!! เอิ่มมมม... เคารพมันอาจจะฟังดูเยอะเกินไปหน่อย แต่เค้าหมายถึง เคารพในความเป็นมนุษย์อ่ะคะ!!!  ถ้าให้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น ลองใช้คำว่า "ปฏิบัติ" ละกันคะ เราควรปฏิบัติต่อเค้า เหมือนเค้าเป็นผู้ใหญ่คนนึงคะ อะไรที่ทำได้....ไม่ได้ เราต้องพยายามให้เหตุผลคะ ถึงแม้ว่าเราจะไม่แน่ใจว่า เค้าจะฟังเรารู้เรื่องก็ตาม!!! แต่รับรองว่าอนาคตอันใกล้นี้เค้าต้องฟังเรารู้เรื่องแน่นอน .... เพราะฉะนั้นตอนนี้มันเป็นโอกาสที่เราจะฝึกให้เค้าเรียนรู้ที่จะมีเหตุผล...คะ

2. หากิจกรรมให้เค้าทำคะ 

ละต้องทำไง...?
หาของเล่นให้เล่น...จริงๆ เด็กๆเค้าก็ต้องเล่น อยู่แล้วเนอะ...รื้อของ เดินไป เดินมา หยิบจับนุ่น นี่ นั่น คือเรียกได้ว่า อยู่ไม่สุก? ถ้าลูกบ้านไหน เป็นแบบนี้บอกเลยคะ.... ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะลูกคุณจะฉลาด (ก็โบราณเค้าว่างั้นนี่ 555) เพราะสายซอจะฉลาดมากกกกก (ขอถอนหายใจ เฮือก...ใหญ่ๆ)
 ของเล่นที่ว่านี่ !!! คือ ไม่ใช่แค่ว่า เอาของเล่นมาตั้ง ซื้อมาเยอะๆ เปลี่ยนบ่อยๆ แล้วเค้าจะเล่นนะคะ ถึงเล่นก็แค่จับสอง สามที ก็วิ่งไปอีกละ... ของเล่นมันต้องบวกกับ "เพื่อนเล่นคะ" ซึ่งแน่นอนว่าถ้าบ้านไหนมีลูกคนเดียว ไม่มีหลาน ข้างบ้านไม่มีเด็ก...สารพัดสารเพ ข้ออ้าง เพราะจริงๆ เพื่อนที่เค้าอยากจะให้เป็นเพื่อนเล่น มากที่สุดก็คือ "เรา" คะ 
+++อย่าลืมหาเวลาว่างมาเป็นเพื่อนเล่นของลูกกันนะคะ+++

นอกจากของเล่น...การพาเค้าไปทำกิจกรรมนอกบ้านก็ ค่าเวลาได้ดี แล้วแถมยังสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ช่วยให้เค้าเกิดการเรียนรู้ ได้เป็นอย่างดีนะคะ  
กิจกรรม...นี่อาจจะไม่ใช่ การพาไปเที่ยวข้างนอกอย่างเดียวนะคะ
          อาจจะเป็น เล่นน้ำ... 
(อ่างน้ำเค้านี่แหละ) แต่ตรงนี้ต้องคอยระวังกันด้วยนะคะ น้ำกับเด็ก อย่าให้คาดสายตา 
เล่นปั้นแป้ง...
ขีดเขียน...
อ่านหนังสือ...
ฯลฯ 

เอาจริงๆ .... เราเชื่อว่ากิจกรรมของทุกบ้านน่าจะเยอะๆ กันอยู่แล้วคะ แต่อยู่ที่ว่าใครจะมั่นคงและอดทน ในการที่จะฝึกลูกมากพอ ไม่ใช่แค่ลูกที่จะต้องอดทน ไม่ได้ทำอย่างที่อยากทำ ต้องทำตามกฏ  เราเองก็ต้องอดทนคะ เราก็ต้องจับโทรศัพท์ให้น้อยลง (เอาเท่าที่จำเป็นพอคะ ไหนจะซื้อของออนไลน์ เล่นเฟสบุ้ค เล่นไลน อะไรพวกๆนี้ ก็งดบ้างคะ555) ... เค้าจะได้ไม่อยากเล่นเพราะเห็นเราเล่น... เสริมนิดนึง จากสโลแกนเรื่องลด...ละ... เลิก...คะ อย่างบ้านเรา จะแยกเลยคะ ให้เค้าดูได้เฉพาะเครื่องนี้ ก็คือเครื่องนี้เท่านั้น... ไม่ใช่ว่าโทรศัพท์ ของใครๆก็เปิด YT ได้หมด เค้าก็จะเริ่มเรียนรู้คะ ว่าไม่ใช่โทรศัพท์ทุกเครื่องนะ...ที่จะเปิดให้เค้าดูได้ เราก็จะได้จำกัด เค้าเรื่องของ สถานที่ละเรื่องนึง  เพราะเราจะไม่ถือเครื่องที่เคาดูได้ ไปไหนมาไหน วางไว้ให้เป็นที่เป็นทางคะ...รับรองเวิคค์ อันนี้อย่าลืมตกลงกับคนในบ้านทุกคนให้เข้าใจในสิ่งเดียวกันก่อนนะคะ...ก่อนที่จะฝึกลูกเนอะ...เค้าจะได้ไม่งง

ตอนนี้ก็ถึงเวลามาประมวลผลให้ฟังคะ หลังจากทำการทดลองจากข้อมูลที่หามา...ต้องเรียกว่าทดลองคะ เพราะเราก็ปรับเอาตามลูกเรา....จากใจแม่วัยรุ่นคะ (เรียกว่าวัยรุ่นได้มะ??? ได้นะ ยังไม่สามสิบ555) ก็ลูกคนแรก ลูกคนเดียว หลานคนโต...โอ้โห แวดล้อมไปด้วย คนตามใจคะ...

สิ่งแรกที่อยากบอก คือ 
เหนื่อยยยยยย...555


ปวดหัวมากคะ เพราะนางร้องงอแงทั้งวัน...เหมือนเด็กติดยา!!!

แต่หลังจากพยายามทำตามกฎ ที่ตัวเองเป็นคนตั้งเอาไว้ ได้ไม่นานนัก อาจจะมีปรับเปลี่ยนเล็กนน้อยตามสถานการณ์

อาการนี้ก็ลดลง น้อยลง ...แต่ยังไม่หายไป 555

ถ้าถามตัวเอง ว่าพอใจมั้ย กับตอนนี้ ก็บอกว่าโอเคนะ เพราะจากที่ดูไม่เป็นเวลา ดูเยอะ ดูตลอด ... ตอนนี้ก็คือ ดูแค่วันละ 2-3 ครั้ง เฉพาะตอนกินข้าวที่บ้านคะ ครั้งละประมาณ 30-45 นาที แล้วแต่วันคะ

ถ้าออกข้างนอกนี่ก็พยายามไม่ให้ดูเลยคะ....พยายามดึงความสนใจไปที่อย่างอื่น...พาไปเที่ยวนี่เวิคค์สุดคะ...แต่อย่างว่าใคร จะพาลูกออกไปเที่ยวข้างนอกได้ทุกวันเนอะ...แต่ยังไงก็เถอะ!!!

ถึงตอนนี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้ คุณพ่อ คุณแม่  ครอบครัว ของเด็กติด เทคโนโลยีทุกคนคะ.... 

พวกเราทำได้...สู้ๆคะเพื่อลูกน้อยของเรา

.....เขียนจากใจ.....

BY...MOMMEE


2 ความคิดเห็น: