วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

วิธีทำแป้งโดว์ (ฉบับโคตรง่าย)

ประเด็น คือ...อยากหาอะไรให้ลูกทำคะ

                   ออกตัวก่อนเลย...ไม่แน่ใจว่า...สูตรในการทำวันนี้ มันจะสามารถเรียกว่าแป้งโดว์ ที่กำลังฮิตฮอตได้มั้ยนะคะ...
                    แต่ที่แน่ๆ คือมันสามารถทำให้ลูกได้มีอะไรเล่น ไม่อันตราย ดีกว่าดินน้ำมัน เพราะลูกชอบเอาเข้าปาก แล้วก็ happy มากๆ ไม่ห่วง ดู YT อีกต่อไปคะ... (สืบเนื่องมาจาก บล้อกก่อนหน้าานี้ "ทำงัยดี...ลูกติด Ipad?" วิธีนี้ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรม ที่จะทำให้เค้ามีอะไรทำ และเป็นประโยชน์มากกว่า...ลองทำกันดูนะคะ
                   

                        เริ่มกัยเลยจ้า...............

ส่วนผสม

มาดูส่วนผสมกันก่อน สูตร MOMMEE มีแค่นี้คะ....แป้งสาลี...สีผสมอาหาร...น้ำเปล่า...เบบี้ออย... จบ         ค่ะ

ห้ะ........แค่นี้จิงอ่อ?"""""""

จริงคะ555 เป็นสูตรฉบับ คุณแม่ Minimal คะ ยุคเร่งรีบ และ ยุคประหยัด ถ้าใครหาสูตรทำเวอชั่นอื่นๆมาแล้ว อาจจะเห็นว่าส่วนผสมจะเยอะกว่านี้มากกกกกกกกก.......อีกทั้ง สูตรตวง นู่น นี่ นั่น เลยคะ มีแบบทั้งตั้งไฟ ไม่ตั้งไฟ สูตรแห้ง สูตรเปียก เอิ่ม......เยอะอ่ะ ยากด้วย เพราะเราลองทำแบบตั้งไฟมาละ  สำหรับเราว่า ยากอ่ะ ไม่ค่อยเวิคใช้เวลาด้วย


แต่วันนี้....บอกแล้วว่า เป็นฉบับ "โคตรง่าย"  555 ง่ายจริงๆนะ ขอย้ำๆๆๆๆๆ


วิธีทำ

เอาแป้งสาลีเทใส่ลงไปในภาชนะ อะไรก็ได้คะ (แต่แนะนำว่าควรสูงหน่อยคะ เวลาลูกคนจะได้ไม่หก)


อันนี้ราคาประมาณ ไม่เกิน 40 บาท ซื้อร้านเบเกอรี่ทั่วไป ร้านขายกับข้าวก็มีนะ ปริมาณเยอะอยู่คะ ใช้ได้นานเลย....


จากนั้นก็เทลงไปในถัง ปริมาณที่ใช้....นี้ก็ กะๆ เอานะคะ555.... คือประมาณว่าใครอยากได้แป้งก้อนใหญ่ ก็ใส่เยอะ อยากได้ก้อนเล็กก็ใส่น้อยหน่อย เห็นป้ะ!!!!บอกแล้วว่าง่ายโคตร.......



ทีนี้...ก็ใส่สีผสมอาหาร ราคา 3-15 บาท ถ้าเป็นซองแค่ 3 บาท แล้วก็เอามาผสมน้ำใส่ขวด เก็บไว้ได้คะ ส่วนแบบขวด ก็สะดวกดี ...แต่เราเลือกแบบซองมา เพราะอยากได้หลายๆสี แล้วก็ไม่รู้ลูกจะเบื่อเมื่อไหร่คะ 555 ซื้อมาแต่พอดีก่อนเนอะ


จากนั้นก็เติมน้ำเปล่าคะ...บางสูตรเค้าจะใช้เกลือผสม สำหรับเรา...เราคิดว่า หลักการมันคือทำให้แป้ง มันจับตัวเป็นก้อน ที่ไม่เปียกเกินไป มันก็สามารถปั้นได้ ใช่ป้ะ555 ? หรือคิดไปเอง  ใช่แหละ เลยคิดว่าจริงๆ น้ำเปล่า มันก็ทำให้แป้งจับตัวนะ...  แต่เทคนิคมันอยู่ตรงนี้  คือ...มันต้องใส่ทีละน้อยๆ เพราะไม่อย่างนั้นแป้งมันจะเปียกเกินไป เล่นไม่สนุกติดมือเหนอะหนะ... พอคนๆ ไปสักพักนึง แป้งมันจะเกาะตัวเป็นแบบในรูปคะ 

ทีนี้ก็ถึงเวลาสนุกคะ... เพราะว่าลูกเราจะช่วยด้วยได้ละ

ดูท่าคนซะก่อน.....เป็นงัยหล่ะ? (อันนี้ถ่ายมาเป็นภาพเคลื่อนไหว ไหวจริงๆ เพราะอยู๋ไม่นิ่งเลยฮะ!!!)


คนไปเรื่อยๆคะ จนกว่าแป้งมันจะเกาะตัวกันทั้งหมด ช่วงนี้ก็ให้เค้าคนเล่นไป....เราคนบ้าง.....เลอะบ้าง เละบ้าง...สนุกจะตาย!!!



พอเริ่มเข้าที่ ก็ใส่ เบบี้ออยหน่อยคะ...แป้งจะไม่เกาะมือ บางคนเค้าก็ใช้ น้ำมันพืช...


อันนี้เป็นตัวอย่าง....ที่ผิด!!!! อ้อดๆๆๆๆ XXX....แล้วจะโชว์ทำไมเนี่ย!!!

เพราะว่าเผื่อคุณแม่บางคน จะไม่ใช่คุณแม่ DIY ไม่ใช่คุณแม่ทำกับข้าวเก่ง เป็นคุณแม่งบน้อย 
....ไม่ว่าคุณจะเป็นแม่สไตล์ไหน ทำได้แน่นอนคะ ง่ายเว่อร์......


แล้วอันนี้มันผิดยังไง?...เพราะว่าอันนี้เปียกไปคะ 

แต่ไม่เป็นไรคะ แป้งโดว์เวอร์ชั่นนี้ แก้ไขได้...เติมแป้งเข้าไปหน่อยคะ (แต่จริงๆ อย่าเผลอใส่น้ำเยอะไปเลยคะ เพราะเวลาคนๆ  มันจะนานกว่าเดิม แล้วจะไม่ค่อยเนียนด้วยคะ)

หลังจากคนจนได้ที่ เอามานวดต่อด้วยมือ...ทุบๆ ขยำๆ ไปเรื่อยๆนะ สีของแป้งมันจะนวนเนียน จนเป็นแบบนี้จ้า.....


เป็นอันว่าเสร็จ...

ทีนี้ก็ถึงเวลา ของ นาง...นี้ 




ใช้เวลา...ผสมส่วนผสม...จนกลายเป็นแป้งโดว์...บวกเล่นกับลูก ประมาณ สองชั่วโมงคะ...คือ ความรู้สึกส่วนตัว รู้สึกคุ้มมาก.....เพราะปกติ เล่นของเล่น อย่างนึง นี่ ได้ สักครึ่งชั่วโมงก็หรูมากละคะ  

แถม....ปลอดภัย เห็นมั้ยคะ เพราะว่าเราเผลอไม่ได้ ชอบเอาเข้าปากตลอด อย่างน้อยก็ปลอดภัยกว่า ดินน้ำมันนะ ไม่เข้าไปติดในซอกเล็บด้วย

ราคาถูก...ใช้งบประมาณไม่เกิน 60 บาท สนุกได้นาน ได้หลายทีคะ

สนุกดี...คะ มันสนุกตรงที่ช่วยกันทำนี่หละคะ คือดีอ่ะ เพราะเค้าได้เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรม สร้างสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว ใช้เวลาว่างเป็นประโยชน์ 555 (ดูประโยชน์เยอะเชียว) คือถ้าลูกใครโตกว่านี้อาจจะสอนให้เค้าเทเอง หรือให้เค้าช่วยคิด คอนเซป ของการปั้นในวันนั้นๆ ด้วยก็ได้นะคะ เป็นคนคิดปริมาณ สีสัน อะไรพวกนี้อ่ะคะ เราคิดว่า...เด็กๆ พอเค้าได้ดีไซน์กิจกรรมเป็นของตัวเอง มันน่าจะสร้างอะไรได้เยอะเลยคะ เราทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ช่วยเท่านั้นพอ!!! เด็กๆ น่าจะสนุกแล้วก็ภูมิใจ แน่ๆเลย แถมยังเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ การกล้าตัดสินใจ และอื่นๆ อีกมากมาย...นี่อดใจรอวันลูกโตไม่ไหว เลยนะเนี่ย....สนุกแน่555

*** ข้อแนะนำสำหรับสูตรนี้ ควรทำครั้งต่อครั้ง ไม่ควรเก็บไว้นานนะ เพราะแป้งไม่ได้ผ่านความร้อน ทิ้งไว้อุณภูมิปกติ อาจจะทำให้แป้งเสียได้คะ...ถ้าลูกเผลอเอาเข้าปากนี่จะยุ่งเลย...***

            แป้งโดว ฉบับโคตรง่าย ก็จบลงแค่นี้คะ ถ้าคิดอย่างอื่นออก...จะมานำเสนอใหม่นะคะ


ลองทำกันดูคะ...BY MOMMEE






         

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ทำอย่างไร เมื่อลูกติด Ipad....?

ทำงัยดี!!! ...... เมื่อลูกติด Ipad

                ปัญหาโลกแตกคะ เมื่อลูกน้อยของเราโตมา  ในยุคสไลด์ ...............ช่วยไม่ได้จริงๆ..........

อยากมาขอแชร์ประสบการณ์ แล้วก็ขอคำปรึกษาไปในตัวคะ สำหรับใครที่มีเคล็ดลับดีๆ มาแชร์กันนะ.....


                   ขอเริ่มต้นกันด้วย คลิปนี้คะ...... 





คลิปที่เจ้าตัวเล็กของหม่ามี๊....คะกำลัง ดู youtube ทั้ง ย่อ ยุบ ขยายหน้าจอ เลื่อนเปลี่ยนช่อง ออกจากหน้าจอ กดเข้าไอคอน YT ได้ อย่างง่ายดาย คะ..... ต้องบอกก่อนว่าตอนนี้เจ้าตัวน้อยคนนี้ อายุ 1 ขวบ 6 เดือน กับอีก 18 วัน จริงๆ...เหตุการณ์นี้ มันมองได้สองมุม นะ......

คือ...ถ้าคิดแง่บวกคะ+++ เย้ๆๆๆๆๆๆๆ อุ้ยลูกเรา เก่งจัง!!! กดเปลี่ยนเองได้หมดเลยอ่ะ เลื่อนเปลี่ยนช่อง เรากดออกจากโปรแกรม ยังอุตส่าห์...ปัดหน้าจอหาปุ่มไอคอน ของ  YT เข้าไปดูได้คะ ( คือเราเอาไอคอน ไว้ในหน้าที่สองของ หน้าโฮม ต้องสไลด หน้าจอไป 1 ที ถึงจะเจอ) ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดามากคะ ที่เราจะดีใจ เมื่อลูกเราสามารถทำอะไรใหม่ๆ ได้ด้วยตัวเอง แต่เรื่องนี้ นี่เอ้ะๆๆๆๆ เราจะดีใจอย่างเดียวไม่ได้นะ พอเวลาผ่านไปสักเดือน สองเดือน หลังจากเริ่มให้ดูครั้งแรกคะ มันเริ่มมีคำถามตามมามากมายเลยคะ เราถามตัวเองว่า เห้ย....!!!! 

ลูกเราเล็กเกินไปที่จะให้ดูป่าววะ....
นี่เราให้ลูกดูนานไปแล้วมั้ย   เยอะไปหรือเปล่า...........
ลูกจะกดมั่วๆ แล้วไปเจออะไรที่ไม่ควรดู หรือว่ายังไม่อยากให้ดูมั้ย........
ลูกเราจะสายตาเสียมั้ยน้า............
หรือว่า ถ้าไม่ให้ดูเลย ไม่ให้เล่นเลย ลูกเราจะตกยุคตกสมัย ไปมั้ยน้าาาาาา..........

         เริ่มมีคำถามวนเวียนขึ้นมาในใจ มากมายคะ ชักกัวลใจ อีกทั้งยังเริ่มๆ จะเป็นอุปสรรคของเราแล้วคะ เวลาพาไปไหนมาไหนด้วย ข้างนอก จะเกิดอาการแบบ ..... ร้องงอแงอยากดู ร้อง เอ...บี...ชี (ABC) ฮืออออ แงๆๆๆๆๆ เอ...บี...ชี(ABC) (พูดยังไม่ชัดเลย แต่ติดไอแพด)  หรืออาจจะกรี้ดดดดดด!!!!!  เราเริ่มจะเครียดคะ เพราะเราจะคาดเดาไม่ได้เลยว่า ลูกจะอยากดูตอนไหน บางครั้งเค้าร้องหนัก หนักจนแบบขับรถอยู่ต้องจอดรถคุยกันเลยทีเดียว  (คุยแบบแม่พูดไปเรื่อยๆ ลูกเข้าใจป้าวไม่รู้ เอาแต่ร้อง งอแง) หรือบางครั้ง เราก็จำเป็นต้องเปิดให้ดูไปเลยเพื่อตัดปัญหาคะ เอาจริงๆไม่ได้อยากทำเลยนะ แต่ไม่รู้จะทำยังงัยจริงๆ

เลยเริ่มหาข้อมูลคะ วิธีแก้ไข เด็กติดเกมส์ ติดโทรศัพท์....บลาาาาา บลา จากข้อมูล เพจคุณแม่ทั้งหลาย เพจผู้รู้ กูรู คุณหมอ เข้าไปอ่านๆๆๆๆๆ มาเยอะอยู่คะ เพราะรู้สึกว่า เห้ยเริ่มเครียดจริงจังนะ บอกตรงๆ...กลัวลูกสมาธิสั้นคะ 

หลังจากหาข้อมูล แล้วก็ประมวลผลด้วยตัวเองก็พบว่า..........

1. เราต้องเริ่มจากตัวเองคะ....คนที่อยู่ใกล้ชิดเค้ามากที่สุด คุณพ่อ คุณแม่  คุณปู่คุณย่า คุณยาย พี่เลี้ยง คือใครก็ตามที่เลี้ยงเค้าอ่ะคะ..........สุดท้ายมันมาตกลง ตรงคำว่า "ครอบครัว"คะ เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับวิธีการเลี้ยงดูเนอะ

มันสำคัญมากคะ....เพราะว่าอย่างเคสเรานี่ พอเรามานั่งสำรวจตัวเอง แบบ จริงจัง ว่า เอ้ะ!!! ทำไมลูกเราติดโทรศัพท์ ขนาดนี้น้าาาาา...... ก็ถึงบางอ้อคะ 

เห้ย..............ถ้าลูกพูดได้คงบอกว่า ก็หม่ามี๊เองไม่ใช่อ่อ ที่อยากให้นู๋ ดูการ์ตูนภาษาอังกฤษ เรียนรู้ภาษา 
เออเนอะ....จริงด้วยนี่เราเองนี่แหละคือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้คะ T__T  เพราะฉะนั้น ถึงเวลาละคะ .... ฮึบๆๆๆๆๆ   เราจะมาแก้ปัญหาเรื่องนี้กันนะลูก...

ต้องเล่าก่อนคะว่า...พอเราสำรวจวิธีการเลี้ยงของตัวเอง ก็สรุปได้ประมานนี้คะ

1. เลย....คือ ถ้าลูกร้องไห้ งอแง วิธีแก้ปัญหาส่วนใหญ่ ย้ำว่าส่วนใหญ่นะ ไม่ใช่ทุกครั้ง 55 ก็คือ เปิด YT ให้ดูคะ 

2. ถ้าออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน แล้วเค้ายุ่งมากๆ ซึ่งบางครั้งก็จำเป็นต้องเปิดให้ดูคะ (ซึ่งจุดนี้บอกได้เลยว่าบางทีก็เป็นข้ออ้าง ของผู้ใหญ่เนอะ หาว่าเค้าซนเลยต้องเปิดให้ดู แต่เอาจริงๆธรรมชาติของเด็กเค้าก็ต้องซนอะนะ ลูกนะคะไม่ใช่ตุ๊กตา...บอกกับตัวเองตลอดเลยคะว่าเด็กซนคือเด็กฉลาด555  

3. ถ้านั่งรถไปด้วยกัน แค่สองคน บางทีก็เปิด แล้วเสียบไว้ระหว่างเบาะ คนขับกับคนนั่ง มันก็จะเปิดไป    ตลอดทาง เหมือนมีทีวีส่วนตัว ตอนนั้นคือลูกยังไม่สนใจเท่าไหร่ ดูบ้างไม่ดูบ้าง แต่ช่วงก่อนหน้านี้เริ่มโต เริ่มมีความต้องการเป็นของตัวเอง เริ่มอยากดูสิ่งที่เลือกเองละคะ เริ่มยุ่งละซิ!!!! อยากจะเปลี่ยนตลอดเวลา ทำให้ เค้าต้องการถือ ซึ่งแค่ดูบนรถ เราก็ว่า เสียสายตาละนะ นี่ยังเอาไปถือเองแถม ดูใกล้เข้าไปอีก เห้ยยยย!!! ปวดใจ... ความผิดช้านนนนนเอง

ทำไงดีละทีนี้?

1. ต้องลด..ละ...เลิก    (แหมสโลแกนอย่างกะติดยานะ) แต่เอาจริงๆเวลาลูกติดนี่!!!      มันเหมือนอาการติดยา อาการเหมือนลงแดงมันมานะคะ555


เราต้องจำกัด เวลาที่ให้เค้าดูคะ 

เช่น

ให้ดูเป็นเวลา อย่างตอนนี้ที่ทำคือ เราจะให้เค้าดูเฉพาะตอนกินข้าวคะ แล้วพอกินเสร็จก็ คือ เลิกดู ไม่มีการให้ดูระหว่างวัน...แรกๆ คือเราต้องใจแข็งมากๆ นะคะ ไม่ว่าจะงอแงขนาดไหนก็ต้องไม่ให้ ไม่ตามใจเค้า แล้วเค้าจะเรียนรู้ว่าไม่ได้ ก็คือ ไม่ได้...

ซึ่งจริงๆ เทคนิคนี้ อยากบอกว่า เวิคมากคะ...ใช้ได้ผลกับสายซอมาแล้วคะ ทั้งฝึกเลิกขวดนม ฝึกให้นั่งคาร์ซีท  คือส่วนตัวคิดว่า สิ่งสำคัญในการฝึก เด็กๆ ให้เค้าทำอะไรก็ตาม ที่เราอยากจะให้เค้าทำ สิ่งที่ พ่อแม่ต้องมีเลยนะ ก็คือ... การทำให้เค้าเรียนรู้ กฎ กติกา และเหตุผล คะ 

มันอาจจะดูเว่อร์วังไปหน่อย .... เห้ย!!! สอนให้เด็กขวบครึ่งมีเหตุผลนี่นะ...โอ้วมายกอด์ แต่จริงนะคะ ทุกครั้งเวลาลูกใกล้ๆ จะงอแงขอย้ำๆๆๆว่าใกล้ๆ  เท่านั้นนะ!!!  เพราะถ้าคุณปล่อยให้อารมณ์เค้ามันเลยไปละ มันจะเลยไปเลยคะ เราจะไม่สามารถพูดอย่างมีเหตุผลกะเค้าได้ละทีนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ บางที...ก็ต้องปล่อยไปก่อนคะ 
แต่ถ้าอารมณ์เค้ายังพอกู่กลับ เราก็จะ เริ่มๆบอกกับเค้าด้วยเหตุผล ด้วยเสียงที่เป็นมิตร และเป็นธรรมชาติมากที่สุดคะ ว่า "หม่ามี๊บอกแล้วใช่มั้ยคะลูก ว่าเราจะดูกันเฉพาะตอนไหน ตอนกินข้าวใช่มั้ย" แรกๆ ก็มีโยเย งอแง ร้องไห้มาก เป็นธรรมดาคะ แต่พอทำหลายๆครั้ง ทำการฝึกลักษณะนี้กับหลายๆอย่างเข้า  
ก็รู้สึกว่าระยะเวลาในการร้องไห้ของเค้ามันลดลงคะ แล้วจำนวนการร้องก็จะลดลงไปตามคะ (แต่เอาจริงๆตอนนี้ก็ยังมีงอแงอยู่นะคะไม่ได้สำเร็จ ได้ผล100%) 


               คือเคยอ่านเจอมาว่า เราต้องเคารพ!!! เอิ่มมมม... เคารพมันอาจจะฟังดูเยอะเกินไปหน่อย แต่เค้าหมายถึง เคารพในความเป็นมนุษย์อ่ะคะ!!!  ถ้าให้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น ลองใช้คำว่า "ปฏิบัติ" ละกันคะ เราควรปฏิบัติต่อเค้า เหมือนเค้าเป็นผู้ใหญ่คนนึงคะ อะไรที่ทำได้....ไม่ได้ เราต้องพยายามให้เหตุผลคะ ถึงแม้ว่าเราจะไม่แน่ใจว่า เค้าจะฟังเรารู้เรื่องก็ตาม!!! แต่รับรองว่าอนาคตอันใกล้นี้เค้าต้องฟังเรารู้เรื่องแน่นอน .... เพราะฉะนั้นตอนนี้มันเป็นโอกาสที่เราจะฝึกให้เค้าเรียนรู้ที่จะมีเหตุผล...คะ

2. หากิจกรรมให้เค้าทำคะ 

ละต้องทำไง...?
หาของเล่นให้เล่น...จริงๆ เด็กๆเค้าก็ต้องเล่น อยู่แล้วเนอะ...รื้อของ เดินไป เดินมา หยิบจับนุ่น นี่ นั่น คือเรียกได้ว่า อยู่ไม่สุก? ถ้าลูกบ้านไหน เป็นแบบนี้บอกเลยคะ.... ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะลูกคุณจะฉลาด (ก็โบราณเค้าว่างั้นนี่ 555) เพราะสายซอจะฉลาดมากกกกก (ขอถอนหายใจ เฮือก...ใหญ่ๆ)
 ของเล่นที่ว่านี่ !!! คือ ไม่ใช่แค่ว่า เอาของเล่นมาตั้ง ซื้อมาเยอะๆ เปลี่ยนบ่อยๆ แล้วเค้าจะเล่นนะคะ ถึงเล่นก็แค่จับสอง สามที ก็วิ่งไปอีกละ... ของเล่นมันต้องบวกกับ "เพื่อนเล่นคะ" ซึ่งแน่นอนว่าถ้าบ้านไหนมีลูกคนเดียว ไม่มีหลาน ข้างบ้านไม่มีเด็ก...สารพัดสารเพ ข้ออ้าง เพราะจริงๆ เพื่อนที่เค้าอยากจะให้เป็นเพื่อนเล่น มากที่สุดก็คือ "เรา" คะ 
+++อย่าลืมหาเวลาว่างมาเป็นเพื่อนเล่นของลูกกันนะคะ+++

นอกจากของเล่น...การพาเค้าไปทำกิจกรรมนอกบ้านก็ ค่าเวลาได้ดี แล้วแถมยังสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ช่วยให้เค้าเกิดการเรียนรู้ ได้เป็นอย่างดีนะคะ  
กิจกรรม...นี่อาจจะไม่ใช่ การพาไปเที่ยวข้างนอกอย่างเดียวนะคะ
          อาจจะเป็น เล่นน้ำ... 
(อ่างน้ำเค้านี่แหละ) แต่ตรงนี้ต้องคอยระวังกันด้วยนะคะ น้ำกับเด็ก อย่าให้คาดสายตา 
เล่นปั้นแป้ง...
ขีดเขียน...
อ่านหนังสือ...
ฯลฯ 

เอาจริงๆ .... เราเชื่อว่ากิจกรรมของทุกบ้านน่าจะเยอะๆ กันอยู่แล้วคะ แต่อยู่ที่ว่าใครจะมั่นคงและอดทน ในการที่จะฝึกลูกมากพอ ไม่ใช่แค่ลูกที่จะต้องอดทน ไม่ได้ทำอย่างที่อยากทำ ต้องทำตามกฏ  เราเองก็ต้องอดทนคะ เราก็ต้องจับโทรศัพท์ให้น้อยลง (เอาเท่าที่จำเป็นพอคะ ไหนจะซื้อของออนไลน์ เล่นเฟสบุ้ค เล่นไลน อะไรพวกๆนี้ ก็งดบ้างคะ555) ... เค้าจะได้ไม่อยากเล่นเพราะเห็นเราเล่น... เสริมนิดนึง จากสโลแกนเรื่องลด...ละ... เลิก...คะ อย่างบ้านเรา จะแยกเลยคะ ให้เค้าดูได้เฉพาะเครื่องนี้ ก็คือเครื่องนี้เท่านั้น... ไม่ใช่ว่าโทรศัพท์ ของใครๆก็เปิด YT ได้หมด เค้าก็จะเริ่มเรียนรู้คะ ว่าไม่ใช่โทรศัพท์ทุกเครื่องนะ...ที่จะเปิดให้เค้าดูได้ เราก็จะได้จำกัด เค้าเรื่องของ สถานที่ละเรื่องนึง  เพราะเราจะไม่ถือเครื่องที่เคาดูได้ ไปไหนมาไหน วางไว้ให้เป็นที่เป็นทางคะ...รับรองเวิคค์ อันนี้อย่าลืมตกลงกับคนในบ้านทุกคนให้เข้าใจในสิ่งเดียวกันก่อนนะคะ...ก่อนที่จะฝึกลูกเนอะ...เค้าจะได้ไม่งง

ตอนนี้ก็ถึงเวลามาประมวลผลให้ฟังคะ หลังจากทำการทดลองจากข้อมูลที่หามา...ต้องเรียกว่าทดลองคะ เพราะเราก็ปรับเอาตามลูกเรา....จากใจแม่วัยรุ่นคะ (เรียกว่าวัยรุ่นได้มะ??? ได้นะ ยังไม่สามสิบ555) ก็ลูกคนแรก ลูกคนเดียว หลานคนโต...โอ้โห แวดล้อมไปด้วย คนตามใจคะ...

สิ่งแรกที่อยากบอก คือ 
เหนื่อยยยยยย...555


ปวดหัวมากคะ เพราะนางร้องงอแงทั้งวัน...เหมือนเด็กติดยา!!!

แต่หลังจากพยายามทำตามกฎ ที่ตัวเองเป็นคนตั้งเอาไว้ ได้ไม่นานนัก อาจจะมีปรับเปลี่ยนเล็กนน้อยตามสถานการณ์

อาการนี้ก็ลดลง น้อยลง ...แต่ยังไม่หายไป 555

ถ้าถามตัวเอง ว่าพอใจมั้ย กับตอนนี้ ก็บอกว่าโอเคนะ เพราะจากที่ดูไม่เป็นเวลา ดูเยอะ ดูตลอด ... ตอนนี้ก็คือ ดูแค่วันละ 2-3 ครั้ง เฉพาะตอนกินข้าวที่บ้านคะ ครั้งละประมาณ 30-45 นาที แล้วแต่วันคะ

ถ้าออกข้างนอกนี่ก็พยายามไม่ให้ดูเลยคะ....พยายามดึงความสนใจไปที่อย่างอื่น...พาไปเที่ยวนี่เวิคค์สุดคะ...แต่อย่างว่าใคร จะพาลูกออกไปเที่ยวข้างนอกได้ทุกวันเนอะ...แต่ยังไงก็เถอะ!!!

ถึงตอนนี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้ คุณพ่อ คุณแม่  ครอบครัว ของเด็กติด เทคโนโลยีทุกคนคะ.... 

พวกเราทำได้...สู้ๆคะเพื่อลูกน้อยของเรา

.....เขียนจากใจ.....

BY...MOMMEE


วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ไร่สตอเบอรี่ ทาวน์

ไร่สตอเบอรี่ ทาวน์ (ระยอง)

หลังจากวันก่อนได้ไปเที่ยวเล่น ที่ไร่องุ่น ... วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์ ... เที่ยวไร่สตอเบอรี่ให้ฟังต่อคะ

            เริ่มทริปวันนี้แบบไม่ได้วางแผน...จริงๆ คะ เคยเห็น ผ่านๆตามาว่ามีไร่สตอเบอรี่ แถวๆ ระยอง เป็นวิวแบบประเทศฮอนแลนด์ เลยลองโทรเข้าไปสอบถามดู อ่า......... ค่าเข้าแค่ 60 บาท แถมยังสามารถนำคูปองไปแลกเป็นอาหารแกะ หรือ อาหารปลาได้คะ .... ฟังดูแล้วคุ้มทีเดียว
         
          หม่ามี๊...ตัดสินใจไม่ปรึกษาใครจ้า ลุยไปกันเลยคะคุณลูก หลังจากหาข้าวกลางวันกินกัน เรียบร้อย เราก็มุ่งหน้าไปไร่ สตอเบอรี่ ทาวน์ ด้วย GPS คะ (ต้องออกตัวก่อนเลยคะว่า เป็นคนที่ ไม่มีความชำนาญ เลยแม้แต่น้อยในเรื่องเส้นทาง หลงประจำคะ 555 แต่ดู คร่าวๆจากแผนที่แล้วก็ บอกกับตัวเองว่า...เอาหน่า ไม่ยากหรอกม้างงงง อย่างมากก็หลง จะกลัวอะไร555)

         ถึงเวลาออกเดินทางคะ...เวลาประมาณ เกือบ ๆ บ่ายโมง ดูเวลาแล้วจาก GPS เค้าว่าประมาณ ชั่วโมงครึ่งคะ จากสัตหีบนะ ก็น่าจะถึงราวๆ บ่ายสองโมงครึ่ง...ขับรถไปกันเลยจ้า ตาม GPS อย่างเคร่งครัดคะ...โชคดีมากที่สาซอหลับ เลยทำให้หม่ามี๊มีสมาธิในการขับรถ พร้อมทั้งดูทาง อย่างเต็มที่ และแล้ว ก็เดินทางมถึงคะ ไร่สตอเบอรี่


หลังจากตามทาง GPS อย่างเคร่งครัดแล้ว...ทางไร่ยังมีป้ายบอกทางทุกระยะ คะ มาได้ง่าย ไม่ยาก ขับรถมา เกือบสองชั่วโมงเห็นวิว ภูเขาท้องฟ้านี้ มันรู้สึกสดชื่น...แบบบอกไม่ถูกคะ


ทางเข้าชมไร่สตอเบอรี่คะ ... พอขับรถมาถึงที่หมาย เป็นบรรยากาศบนเขา ทางเข้าตั้งอยู่ ตีนเขาเห็นเด่นชัดเลยคะ เราต้องซื้อตั๋วเข้าชมตั้งแต่ตรงนี้เลยคะ เหมือนในนี้จะมี 2 โซนด้วยกันคะ คือส่วนของที่พัก กับส่วนที่เป็นไร่สตอเบอรี่ พอซื้อตั๋วเสร็จ ขับเข้ามาอีกหน่อย จะเจอกับวิวนี้เลย


เห็นวิวละ อ่าโอเคเลยคะ เหมือนฮอนแลนด์แบบที่เค้าว่าอยู่นะคะ 


ตรงนี้มีที่ถ่ายรูปคู่รักด้วยนะ (แต่เอ้..ใครจะถ่ายให้เราละคะลูก)


และตรงนี้เค้าจะมี กิจกรรมเล็กๆ คล้องกุญแจคู่รักคะ ฟิลเกาหลีม้ากมาก!!! พอเดินลงเขามาคะ ก็จะเจอกับ....


คุณสตอเบอรี่ใส่มงกุฎใหญ่ เบ้อเริ้ม... สายซอก็เลยขอทำท่ายิ้มหวานถ่ายด้วยซะเลย ^^


ลงมาถึงตรงนี้จะมีบ่อน้ำด้านหน้า กับฉากหลังสวยๆ ให้ถ่ายรูปกันคะ มีร้านขายของทางด้านหลัง เนื่องจากวันที่เราไป เป็นวันธรรมดาอีกแล้วคะ คนน้อย ร้านค้าก็เปิดน้อยเช่นกัน


เดินจากลานจอดรถ ลงไปด้านล่าง (ถ่ายรูป ๆๆๆๆๆๆ ข้างล่างไม่ค่อยมีอะไรมากคะ ส่วนใหญ่เป็นห้องพัก เสร็จแล้วก็เดินทะลุ ส่วนที่เป็น ที่ซื้อของฝาก และก็เดินวนกลับขึ้นมาด้านบนใหม่ ก็จะเจอกับ Adventure land ซึ่งเป็นกิจกรรมสำหรับผู้ใหญ่ หรือเด็กที่โตหน่อยนะคะ มีโหนสลิงข้ามน้ำ เหมือนฐานเข้าค่ายลูกเสือ เหมาะสำหรับ คนที่ชอบ adventure ชื่อเค้าก็บอกละเนอะ ว่า adventure land ฮิฮิ!!!! 


เดิน.....เดิน ไป-มา เริ่มเหนื่อยเหมือนกันนะมี๊......ขอพักกินนมแพป คะมี๊


ถึงตรงนี้ สายซอเริ่มจะงอแงละคะ เพราะว่าตอนนี้ อากาศร้อนมาก...ที่เห็นใส่เสื้อคลุมนี่คือ กันแดด เผา นะไม่ใช่อากาศหนาวแต่อย่างใด  555 (คิดว่ามาเที่ยวช่วงหน้าหนาว หน้าจะเวิค กว่าคะ)


                พอนางใกล้จะ งอแง....เทคนิค คุณแม่ ทุกคนคะ เราต้องรีบเปลี่ยน บรรยากาศ อิริยาบท อะไรก็ได้คะ 555 จะได้ยังไม่ร้องไห้ เพราะถ้าได้เริ่ม รับรองยาว คะ เลยพาเดินต่อมาอีกหน่อย กะว่าจะพาลงไปให้อาหารแกะ ซึ่งอยู่ทางด้านล่าง คะ แต่เดินผ่านหิน .... หินกรวด ที่สุดแสนจะธรรมดา (ในความรู้สึกเราคะ) เราคงไม่รู้หรอกคะ ว่าเด็กน้อยเค้าตื่นเต้นขนาดไหน ที่เห็นสิ่งใหม่ๆ รอบๆตัว ดูจากรูปแล้ว ตื่นเต้นพอดูเลยคะ จับโยนเล่น ไปมา ใหญ่เลย ( บอกตรงๆคะว่า จริงๆก็ไม่อยากให้เลอะเทอะโนะ แต่เอาก็เอาเราปล่อยให้ลูกเลอะบ้าง เพื่อให้เค้าได้เรียนรู้คะ ตรงนี้สำคัญมาก คุณแม่อย่าลืมติดทิชชูเปียกคะ เป็นอะไรที่สำคัญมากๆ รองจากแพมเพิสเลย 5555) 
                  
                


                 เดินลงมาด้านล่าง ตรงที่เป็นส่วนของ Uncle Sam's Farm คะ ทางเดินเป็นทางลาดชัน ระดับความชันพอสมควรเลยคะ ผู้ใหญ่ อย่างเรา ยังต้องระวัง .... แต่เจ้าตัวน้อยเดินลงมาเองนะคะ ยอมให้มี๊ จูงมือเดินลงมาด้วยกันแต่โดยดี ต้องขอบคุณ เจ้าใบไม้แห้งคะ อาจจะสงสัยว่า เอ้ะ...ขอบคุณทำไม  ขอบคุณที่ทำให้เค้าได้ตื่นเต้นอีกแล้วคะ เพราะว่า... พอสายซอ เหยียบเจ้าใบไม้แห้งเข้าด้วยวามบังเอิญ มีเสียง กรุบ....กรับ.... ออกมาจากใบไม้ที่แห้งได้ที่ เค้าถึงกับ หัวเราะร่า...เลยคะ เหมือนมันเป็นเรื่องที่สนุกมากๆ อ่าาา  เราเห็นลูก หัวเราะสนุก เราก็สนุกไปด้วยเลยคะ บางทีคุณแม่อย่างเราก็ต้องแปลงร่างเป็น เพื่อนเล่นของ เด็กขวบครึ่งคะ เราสองคนไล่เตะใบไม้แห้ง จนมาถึงตรงนี้ เลยคะ ...........สนุกมากเค้าว่าพ่อ แม่เป็น ของเล่น เป็นเพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของลูก .... มันความจริงนะคะ 5555




            พอถึงหน้าฟาร์ม แกะ ... อันที่จริงจากการสอบถาม เจ้าหน้าที่ด้านบน  เค้าบอกว่าจะมีเจ้าหน้าที่ คอยให้บริการ ให้เรานำคูปองที่ได้มาตอนเข้าอ่ะคะ เอามาแลกหญ้า ที่เป็นอาหารแกะ แต่ตอนนี้ รอผ่านไป สิบห้านาทีละ ไม่มีทั้ง หญ้า และก็ไม่มีทั้งคน ในใจเราคิดว่า นี่ละ.....ข้อเสียของการไม่เที่ยวหน้าเทศกาล แต่เอ้ะ มันใช่ความผิดเราป่าววะ....ที่อยากมาเที่ยวช่วงที่คนไม่พลุกพล่าน ทางสถานที่เค้าควรจะเตรียมความพร้อม ให้พร้อมตลอดรึป่าว ... !!!!_(%*&@_#
             
            ( ### ตอนนี้ เป็นตอน ขอบ่นคะ  555 อ่านข้ามๆ ได้) จริงๆ ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนะคะ ถ้าไม่เจอกับเหตุการณ์นี้  คือ ... พอเดินมาถึงตรงนี้ไม่มีคนเลย เราก็เดินเล่น เดินไป เดินมา ถ่ายรูป สักพักละ เห็นว่าไม่มีใครเลย เลยเดินไปเจ้าหน้าที่ บริเวณ บ้านที่เค้าเขียนว่า บ้านน้องแกะ... อะไรประมาณนี้อ่ะคะ ไม่แน่ใจ เห็นคนนั่งอยู่เลย กะว่าจะเดินไปถามว่า เอาหญ้าที่ไหน ใช่ตรงนี้มั้ย เห็นข้างบน บอกว่าหน้าฟาร์มมีให้บริการ แต่เจ้าหน้าที่กลับไม่เงยหน้ามามองเราเลยแม้แต่น้อยคะ พูดอะไร งึม งำๆ บอกว่า เค้าไปตัดอยู่ เราเลยถามว่า แล้วนานมั้ย ถ้าไม่นานจะได้รอคะ เค้าว่า ไม่รู้ แต่คนตัดไปนานละ (ตอบด้วยเสียงแบบห้วนๆ บวกกับรำคาญ และยังคงไม่เงยหน้ามาตอบสักนิดคะ) เราที่อุ้มลูก ยืนอยู่บริเวณด้านล่าง เจ้าหน้าที่เค้าตอบมาจากชั้นสองคะ สตั้นไป 2 วิ รู้สึกแบบ....แล้วเอิ่ม..... แล้วจะให้ข้าพเจ้าทำไงคะ ไม่แนะนำหรอ ว่ารอมั้ย หรือว่า ใช้บริการด้านอื่นได้ รู้สึกเซ็ง ขึ้นมาทันทีคะ คือนอกจาก จะไม่ได้ให้อาหารแกะอย่างที่ตั้งใจแล้ว ยังเจอเจ้าหน้าที่ ที่เค้าไม่พร้อมให้บริการอีกคะ เซ็งเลย  (แถมตรงที่ให้อาหารปลาก็ไม่มีคน)

              บ่นพอละ เปลี่ยนอารมณ์ กันหน่อย ตรงข้ามฟาร์มแกะ ยังมีเหมือนด่านเครื่องเล่น และก็สระน้ำให้บริการด้วยนะคะ ตรงนี้


แต่เครื่องเล่นทั้งหมด ยังไม่เหมาะกับนู๋ คะ อดไป ไว้รอโตก่อนนะจ๊ะ สาวน้อย .... เป็นอันว่าจบทริปคะ เดินทางกลับ ....โดยสวัสดิภาพ ถ้ามีโอกาสก็จะขอมาแชร์ประสบการณ์ในสถานที่ต่างๆ อีกนะคะ


           อยากจะบอกว่า....จุดประสงค์ในการเขียนบทความต่างๆเหล่านี้ มันเริ่มต้นที่ความรู้สึกคะ...จริงๆแค่อยากจะเก็บความทรงจำวันนี้ ในการท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ กับลูกไว้ให้ชัดเจนที่สุด...คะ เผื่อวันข้างหน้า ลูกได้กับมาอ่านจะได้รู้ว่าวันนึงเราสนุกกันมากขนาดไหน เราได้ไปที่ไหนกันมาบ้าง อีกทั้งยังเจอเรื่องราวอะไรกันบ้างคะ ... 
         จริงๆ...เป็นประสบการณ์ที่ดีนะคะ ที่ใครๆ ก็สามารถมีประสบการณ์ร่วมกับลูกได้คะ .... อย่าลืมหาเวลาเที่ยวกับลูก และครอบครัวกันนะคะ แล้วเราจะรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่าง บนโลกใบนี้มันใหม่ แล้วก็ใหญ่ สำหรับลูกเรามากๆเลยคะ 

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค

       ทริปไร่ผลไม้ครั้งนี้...เกิดขึ้นเพราะอยากพาลูกไปเปิดหู เปิดตาคะ อีกอย่าง อยากจะถ้าทายความสามารถตัวเอง 555 อยากลองไปตะลอนกับลูกดูคะ.... เริ่มต้นที่ ตอนนี้สายซออายุ 1 ขวบ กับ อีก 6 เดือน นิดๆ   ก่อนหน้านี้ก็มีพาสายซอออกไปข้างนอกอยู่บ่อยครั้งนะคะ แต่จะเป็นในที่ ๆ ที่คิดว่า เราดูแลลูกได้ไม่ลำบากนัก เช่น ห้างสรรพสินค้าคะ เพราะเราคิดว่าลูกเราเล็กเกินไป พาไปไหนมาไหน กันสองคนอาจจะไม่สะดวกนัก .... แต่ความจริงแล้วหลังจากจบทริปนี้ คุณแม่อย่างเราก็รู้เลยคะว่า .... ถ้าเรามองว่าเค้าเด็ก เค้าก็จะเด็ก ....แต่ถ้าเราเชื่อว่าเค้าโตพอ เค้าก็จะโตพอนะคะ จบทริปนี้สรุปว่าได้ลูกเป็นเพื่อนเที่ยวคะ^^ 

เริ่มต้นกันที่ ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค...ขับรถมาไม่ไกลนักจากตัวเมืองสัตหีบ



สวัสดีคะ...แนะนำเพื่อนร่วมทริปครั้งนี้ .... นู๋สายซอคะ
ด้านหน้าทางเข้าก็จะมีวิวสวยๆ ให้ถ่ายภาพเพียบตามสบาย ...ตามสไตล์ เลยคะ...

พอได้เริ่มลงเดิน..ก็เกิดอาการนี้คะ (สายซอเป็นเด็กที่อาจจะเดินช้าหน่อยคะ เริ่มเดินตอน ขวบกับอีกสองเดือน ) แต่ดูตอนนี้สิ !!! จับไม่ทันคะ ตื่นเต้นวิ่งไปทั่ว ชมดอกไม้ ต้นหญ้า ใบไม้ ก้อนหิน เห็นลูกตื่นเต้นกับธรรมชาติ แม่ก็ดีใจและตื่นเต้นกับลูกมากๆ...คะ


           มุมแรก...บริเวณด้านหน้าทางเข้า ก็จะมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ จุดแวะซื้อขนมของฝาก น้ำองุ่น ประมาณนี้คะ วันที่เราพาลูกไปเที่ยวเป็นวันธรรมดา บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ นักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่าน แถมบรรยากาศก็ครื้มฟ้าครื้มฝน...แดดไม่แรงคะ หวั่นๆว่าฝนจะตกเราสองคนเที่ยวไม่สนุกแน่ๆฮือๆ.................เดินวนไปวนมาด้านหน้าสักพักนึง .....แล้วก็ตัดสินใจไปซื้อตั๋วเยี่ยมชม ด้านใน ค่านั่งรถเยี่ยมชม 70 บาท แต่ถ้าใครเลือกแพคเกจ ที่มีน้ำองุ่น 1 ขวด ฉนนราคาก็อยู่ที่ 100 บาทถ้วน เด็กน้อยไม่เสียตังจ้าาาาา  

             เอ!!! แต่ว่าเรายังไม่ทันได้เลือกแพคเกจ พนักงานก็จัดแบบ มีน้ำมาให้แล้วคะ อ่ะๆๆ เอาก็เอาเพราะเมื่อกี้ไปสำรวจมาละ ว่าน้ำองุ่นข้างหน้าขาย 35 บาท อันนี้ถูกกว่า 5 บาท กำไรคะ (คุณแม่ยุคใหม่มีคติที่ว่า ประหยัดทุกเม็ด เพื่อลูกคะ ...)

            ไปเที่ยวข้างในได้พร้อมละ ...ลุย!!!  ด้านในเค้าก็จะมีจุดต่างๆ ให้ถ่ายรูปกัน พอซื้อตั๋วเสร็จ เราสองคนก็ไปนั่งรอบนรถ ตรงลานจอดคะ .......... ณ จุดนี้ อากาศร้อนมาก และแล้ววววว...โอ้ม่ายนะ ฝนตกกกกกกกกกกคะ นั่งรอกันต่อไปสัก 10 นาที ฝนหยุดตก แต่รถไม่ออกสักที ชักเบื่อ และ สายซอเริ่มจะงอแงละคะ T____T เหมือนเค้าจะรอให้คนซื้อตั๋วเยอะหน่อย ค่อยออกรถ จากนั้นไม่นานสวรรค์เข้าข้าง มีคู่รักเดินมา น่ารักจริงๆ เค้าเลยออกรถคะ แต่เปลี่ยนจากรถบัสคันใหญ่ ให้เราไปนั่งเหมือนรถสามล้อม ที่นั่งได้ประมาณสักไม่เกิน 10 คนคะ .... บ่นมาเยอะละไปดูข้างในกันดีกว่าโนะ ปล.ชื่อจุดต่างๆ เราตั้งเองตามลูกสนใจนะคะ 555


เริ่มต้นกันที่.............................

จุดที่ 1 กังหันลม หย้าย....ใหญ่คะหม่ามี๊



จุดแรก หลังฝนตกฟ้ายังครื้มๆ อยู่ แต่ก็ดีคะ อากาศไม่ร้อนมาก สายซอก็ไปยืนเก๊ก ถ่ายรูปซะเลย


      จุดที่ 2 ผีเสื้อยักษ์


อ่าฮ่าาาา....ตัวอะไรคะหม่ามี๊ ตัวหย่ายยย บิ๊กเบิ้มเลย 

ตรงจุดที่ 2 จะกว้างหน่อยคะ มีมุมให้ถ่ายเยอะเลย 

มุมนี้จะมองไปเห็นเขาชีจรรย์อยู่ไกลๆ ก็สวยไปอีกแบบนึงคะ ตอนนี้แดดอ่อนๆ ก็เริ่มมาละ .... ถ่ายรูปเริ่มจะโอเค  ไปจุดต่อไปกันเลยดีกว่า


จุดที่ 3 สามล้อ...สวนดอกไม้ (จริงๆ ตรงนี้ทางด้านหน้าที่ซื้อตั๋วเค้าจะเป็นภาพแนะนำประมาณว่า land mark  ประจำตามจุดต่างๆ ตรงนี้เค้าเป็นรูปถังหมักไวน์) แต่สายซอดูจะตื่นเต้นกับ ตุ้กๆ มากกว่าคะ เปลี่ยนชื่อ ซะเลย 555



มาถึงตรงนี้...สายซอของหม่ามี๊ ยังไม่งอแงเท่าไหร่ รู้สึกว่าเค้ายังตื่นตา ตื่นใจกับสิ่งแปลกใหม่รอบๆ ตัวอยู่นะ แต่คุณแม่นี่สิ บอกตรง เริ่มเหนื่อยฮะ .... พออากาศเริ่มร้อนนี่ เรายังเพลียเนอะ ... 555  ไปที่ต่อไปกันดีกว่า คะ 

จุดที่ 4 ......... น้ำองุ่น หร่อยจังมี๊ 



ตรงนี้ วิวสวยดีนะคะ.... เดินเข้าไปด้านในก็จะมี รูปภาพ ขั้นตอนกระบวนการผลิต ไวน์ น้ำองุ่นไรประมาณนี้คะ พอเดินไปจนสุดทางก็จะมีพนักงานรออยู่ คะ ให้เรานำ เหรียญสีฟ้าๆ ที่เค้าให้มาตอนซื้อตั๋วคะ นำมาแรกน้ำองุ่น 1 ขวด (คำเตือนตรงนี้ใครทำหาย อดกินนะจ๊ะ เค้าติดป้ายไว้) หลังจากแรกมา สายซอกินคนเดียว เกือบหมดขวดเลย 555 มี๊ต้องบอกว่า ขอชิมหน่อยนะคะลูก พอกินหมดยังร้อง หม่ำๆ สงสัยได้ออกไปซื้อข้างหน้ากลับบ้านคะ พอกินเสร็จก็ขึ้นรถสามล้อ กลับไปจุดซื้อตั๋ว เป็นอันว่า จบทริปสำหรับวันนี้คะ  


           สรุปว่าการพาลูกน้อย วัยไม่ถึงสองขวบมาสถานที่ท่องเที่ยวแบบนี้ ไม่เหนื่อยและยากเกินไปอย่างที่คิดนะคะ คุณลูกให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ข้อแนะนำของเราคะ...ลองใช้วิธีพูดกับเค้า เสมือนว่าเค้าพูดกับเราได้แบบผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่จะได้ผลนะคะ ถึงเค้าจะตอบเราไม่เป็นภาษาที่เราสามารถเข้าใจได้ด้วยความหมาย แต่สิ่งที่ลูกตอบรับด้วยการกระทำจากคำพูดของเราสรุปได้เลยคะว่า เค้าเข้าใจเราเป็นอย่างดีนะคะ อย่าประเมินลูกของเราต่ำเกินไป คุณพ่อ หรือ คุณแม่ บ้านไหน อยากลองพาลูกเที่ยว ลองกันดูนะคะ ... ถือว่าทริปนี้เป็นประสบการณ์ใหม่ และดี ของหม่ามี๊และสายซอ คะ แล้วพบกันใหม่กับการเที่ยว ไร่สตอเบอรี่ ทาวน์ จ้า.........